ธรรมจาก พระไพศาล วิสาโล

“สุขใจในวัยขาลง” 

ธรรมะจากพระไพศาล  วิสาโล  เนื่องในวาระสวัสดีปีใหม่

คุณป้าศรีสว่าง พั่ววงค์แพทย์

 

คนส่วนใหญ่มองว่าขาขึ้นดี แต่จริงๆ ขาลงมีอะไรดีๆเยอะ

อย่างเช่นเรื่องของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เมื่อปี 48 เดินเท้ากลับสมุยโดย 1.จะไม่พกเงิน 2.จะไม่ขอข้าวใครกิน 3. จะไม่พักบ้านคนรู้จัก พูดง่ายๆคือธุดงค์ยิ่งกว่าพระอีก พระนี่ถึงแม้ไม่มีเงินมีบาตรคนเห็นพระก็ใส่บาตรไปที่ไหนก็นิมนต์ให้พักแต่อาจารย์ประมวลนี่ไปแบบนี้ ขณะที่อาจารย์เดินผ่านไปดอยอินทนนท์ วันนั้นไม่ได้กินอาหารอะไรเลยก็เหนื่อยแล้วก็ล้า พอดีมีคนผ่านมาชวนขึ้นรถไปจนถึงดอยอินทนนท์ ก็คงจะได้ทานน้ำทานอะไร ก็กลับมามีกำลังเสร็จแล้วก็เดินลงมาทางเดิม

 

ตอนเดินลงพบว่าทิวทัศน์สวยงามมากทั้งบริเวณทางลงและโดยรอบ ก็ชื่นชมดื่มด่ำกับธรรมชาติและฉุกคิดมาว่าเอ๊ะทำไมขาขึ้นมาเรามองไม่เห็น ไม่สังเกตก็เป็นเพราะว่าใจมัวแต่ไปอยู่ยอดเขาอยู่ที่จุดหมาย แต่พอขาลงใจมันว่างไม่มีจุดหมายที่จะไปให้ถึงก็เห็นทิวทัศน์สวยงาม อาตมาก็เลยได้ข้อคิดว่า จริงๆ ขาลงนี่ก็มีเสน่ห์นะ เพราะว่าบางครั้งเวลาเราขึ้นนี่เราไม่เห็นเพราะมุ่งแต่จุดหมายปลายทางแต่ขาลงนี่เราจะได้สัมผัสกับความสวยงามที่อยู่รอบข้าง คิดถึงชีวิตคนเราหลายคนชีวิตขาขึ้นก็ไม่ค่อยมีความสุขเพราะจุดหมายเขาอยู่ข้างหน้า แต่คนที่ไปถึงจุดหมายแล้วลงมานี่อย่างพวกเรานี่นะอาจจะมีโอกาสได้เห็นความสวยงามของเส้นทางอาตมาก็เลยคิดว่าขาลงนี่มันก็มีความสุขให้เราได้เห็น

 

 

อาตมาอ่านงานวิจัยจากนักวิจัยสองชิ้น คนนึงชื่อ แอนดรู ออสวอล มหาวิทยลัยวอลิช อังกฤษ เค้าศึกษาวิจัยถามความสุขของคน 70 กว่าประเทศแล้วก็พบว่าคนที่อายุช่วงวัยที่มีความทุกข์มากที่สุดคือ 46 ปี แล้วหลังจากนั้นก็จะค่อยๆขึ้นมีความสุขมากขึ้นอีกงานหนึ่งของคิสตัน อาเทอร์สโตนเค้าบอกว่าถามความรู้สึกของคนทุกวัย วัยที่มีความสุขที่สุดคือ 18 หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ตกลงมาเครียดมากขึ้นจนถึงสี่สิบกว่าเครียดมากที่สุด หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ขึ้นจนไปพีคถึง 80 แล้วพบว่า 80 มีความสุขมากกว่า 18 หลายคนจะพีคตอนสี่สิบกว่าแล้วก็หลังจากนั้นชีวิตก็จะลง

 

แต่ในแง่ความสุขที่มันกลับตรงข้าม น่าคิดว่าคนแก่ที่อยู่ในช่วงขาลงสุขภาพก็แย่กำลังวังชาก็ลดลงเงินทองก็น้อยลง เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมีชื่อเสียง ฐานะตำแหน่งก็ไม่มีแล้ว มีแต่อดีตแต่ทำไมมีความสุขกว่า ก็เพราะว่าสำคัญที่สุดคือวุฒิภาวะ คือคนที่อายุมากเค้าผ่านโลกมามากเพราะฉะนั้นเจออะไรที่มันไม่ถูกใจที่ผันผวนแปรปวนก็ไม่หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับมัน เค้ารู้สึกว่ามันธรรมดา  รถติดก็ธรรมดาเจ็บป่วยก็ธรรมดา เค้ามีความเข้าใจโลกมากขึ้นจึงเห็นความผันผวนแปรปรวน ความไม่จีรังยั่งยืนนี่เป็นธรรมดา อีกอยางเค้าเริ่มเห็นข้อจำกัดของตนเอง บางอย่างที่ไม่สำเร็จไปไม่ถึงนี่เค้าก็ไม่เป็นไรเพราะเราก็ทำได้แค่นี้ คนที่ยังอยู่ในช่วงหนุ่มสาวนี่อะไรไม่สำเร็จก็จะโกรธโมโห ถ้าไม่สมหวังก็มีความทุกข์ เดี๋ยวนี้วัยรุ่นนะเพื่อนไม่กดไลค์ก็ทุกข์แล้วแต่คนแก่นี่ไม่กดไลค์ก็ธรรมดา เพราะว่ามันเป็นโลกธรรม

 

 

คือคนแก่นี่เค้ายอมรับข้อจำกัดตนเองมากขึ้นว่าบางทีเราก็สุขภาพไม่ดีแล้ว เป็นเรื่องของใจอีกอย่างคนแก่นี่ค้นพบว่าสามารถจะหาความสุขจากปัจจุบันได้ คนหนุ่มนี่จะไปรอความสุขข้างหน้าว่าถ้าเกิดว่าสำเร็จ ร่ำรวยก็จะมีความสุขแต่วาคนแก่นี่พบว่าความสุขนี่ต้องหาจากปัจจุบันเพราะว่าเวลาเหลือน้อยแล้วต้องหาความสุขจากปัจจุบัน ไม่ต้องไปรอความสุขข้างหน้า ความสุขจากปัจจุบันก็คือการที่ได้อยู่กับครอบครัวการที่ได้อยู่กับมิตรสหายได้สังสรรค์กับมิตรสหายได้ไปเที่ยวบ้าง ได้อยู่กับลูกหลาน ได้อยู่กับธรรมชาติทำสวน นี่ก็เป็นข้อสรุปจากงานวิจัยว่าคนแก่ซึ่งเป็นช่วงขาลงนี่ ถึงแม้ว่ากำลังวังชา เงินทอง ชื่อเสียงจะลดน้อยถอยลงมันเป็นธรรมดาโลกแต่ว่า ความสุขเค้ามีมากขึ้นเพราะความสุขมันอยู่ที่ใจ แล้วเค้าก็รู้ว่าเวลาเค้าเหลือน้อยแล้ว เค้าต้องหาความสุขจากปัจจุบันเท่าที่จะหยิบฉวยได้ความสุขคือเรื่องใกล้ตัว

 

 

อาตมาคิดว่าสำหรับคนที่คิดว่าอยู่ในช่วงขาลง เราจะวางใจอย่างไร 1. พยายามมีความสุขในปัจจุบัน 2. เตรียมตัวสำหรับอนาคตคนหนุ่มนี่เค้าไม่สนใจปัจจุบันเค้าจะรอความสุขอนาคตพยายามสร้างอนาคตให้มันสวยสดงดงาม แต่อาตมาว่ารุ่นคนที่มีอายุในช่วงขาลงไม่ใช่วัยที่จะสร้างอนาคตแล้วแต่เป็นวัยที่เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต อนาคตในที่นี้หมายถึงปลายทาง ความเจ็บความป่วยความตายที่ใกล้เข้ามาเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวแต่ก็ไม่มัวแต่เตรียมตัว ขณะที่เราอยู่ตอนนี้ก็มีความสุขกับปัจจุบัน   อาตามาว่าชีวิตคนเราจะมีความสุขในปัจจุบันได้นี่อย่างหนึ่งที่สำคัญคือยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะพออายุมากขึ้นแล้วนี่อะไรๆ ก็ไม่สะดวกเหมือนเก่า การเดิน การกิน การทำงาน รวมทั้งบริษัทบริวาร ถ้ารายอมรับความจริงได้นี่สิ่งที่ดูเหมือนข้องขัดนี่เป็นแค่ภายนอก แต่ใจเรานี่ไม่ทุกข์  ต้องพยายามอยู่กับปัจจุบันให้มากบางคนไปคิดอยู่กับอดีตก็ทุกข์ใจมันอยู่แต่กับอดีตโดยเฉพาะอดีตที่ไม่สมหวัง

 

มีความสุขกับทุกวันแต่ว่าก็ต้องเตรียมตัวสำหรับอนาคตด้วย เพราะอนาคตนี่วัยขาลงนี่ปลายทางเข้ามาเรื่อย เตรียมตัวส่วนหนึ่งต้องเตรียมตัวเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ เราจะมีเงินไว้รับมือสำหรับโรคภัยไขเจ็บข้างหน้า ยังไม่พอนะความจริงต้องเตรียมเรื่องทรัพย์สมบัติด้วยจัดการเรื่องทรัพย์สมบัติด้วยทำอย่างไรจะไม่เป็นภาระกับคนข้างหลัง ไม่เป็นภาระทางใจของเรา การรักษาอย่างไรที่เราปรารถนาให้รักษา อย่างไรที่เราจะไม่ปรารถนาให้รักษา  การเตรียมตัวอย่างที่อาตมาพูดคือเตรียมตัวลาลง ถึงเวลาตายทำไงให้เราตายอย่างสงบ ไม่เฉพาะคนขาลงนะ คือจะตายนี่ก็ต้องตายดีไม่ทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะผู้ที่ขาลง ชีวิตดีอยู่ดีไม่พอต้องตายดีด้วย อยู่ดีแต่ตายไม่ดีก็ไม่ครบสมบูรณ์ตายดีนี่หมายความว่า ภายในใจไม่มีความห่วงกังวลใจเป็นกุศล  อาจารย์ประมวลพูดดี ตายดีคือเต็มใจและพอใจที่จะตาย ไม่ใช่แค่พร้อม เต็มใจและพอใจด้วยเพราะเห็นว่าชีวิตที่ผ่านมาทำดีที่สุดแล้วใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าแล้วและเราคิดว่าเราพร้อมจะตายแล้วเพราะว่ามันถึงเวลาแล้วและมันไม่มีอะไรห่วงไม่มีอะไรกังวล